การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว แต่การรักษาแชมป์นั้นยากยิ่งกว่า และการไต่ไปสู่บัลลังก์ต่างรุ่นหรือต่างประเภทการต่อสู้นั้นคงไม่ต้องบรรยายว่าจะยากขึ้นกว่าเดิมอีกกี่เท่า ซึ่งในประวัติศาสตร์ของ วัน แชมเปียนชิพ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีนักกีฬาเพียง 6 คนเท่านั้นที่เคยเป็น “แชมป์เหนือแชมป์” ด้วยการรวบเข็มขัด ONE มากกว่าหนึ่งเส้น ถึงแม้ว่าบางคนจะสูญเสียเข็มขัดไปแล้ว แต่ชื่อของพวกเขาก็ยังถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์แชมป์โลกควบหลายบัลลังก์จวบจนทุกวันนี้
#1 มาร์ติน เหงียน
อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต
(18 ส.ค.60 – 30 ต.ค.63)
อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต
(10 พ.ย.60 – สละแชมป์ 2561)
เริ่มที่ “The Situ-Asian” มาร์ติน เหงียน นักสู้ชาวออสเตรเลีย เชื้อสายเวียดนาม นับเป็นรายแรกในประวัติศาสตร์ของ วัน แชมเปียนชิพ ที่ครองเข็มขัดแชมป์โลก ONE ถึง 2 เส้น จากกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นเฟเธอร์เวตและไลต์เวต ซึ่งในตอนนั้นเจ้าตัวมีความกระหายอย่างแรงกล้าที่จะคว้าบัลลังก์ถึง 3 รุ่นเลยด้วยซ้ำ
มาร์ติน ล้มลุกคลุกคลานอยู่ใน วัน แชมเปียนชิพ ถึง 6 ไฟต์กว่าจะได้นั่งบัลลังก์แชมป์โลก โดยโค่นอดีตคู่ปรับแชมป์เก่าอย่าง “มารัต กาฟูรอฟ” เมื่อ 18 ส.ค.60 ได้ครองเข็มขัดรุ่นเฟเธอร์เวตเป็นเส้นแรก จากนั้น 3 เดือนต่อมา มาร์ติน ก็ผงาดขึ้นนั่งบัลลังก์รุ่นไลต์เวต หลังเผด็จศึกอดีตแชมป์โลกชาวตากาล็อก “เอดูอาร์ด โฟลายัง” ในวันที่ 10 พ.ย.ปีเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มาร์ติน ตัดสินใจมุ่งมั่นให้กับรุ่นเฟเธอร์เวตอย่างเต็มตัว จึงยอมสละบัลลังก์แชมป์โลกรุ่นไลต์เวตในปีต่อมา และเดินหน้าป้องกันตำแหน่งรุ่นเฟเธอร์เวตถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งเมื่อ 30 ต.ค.63 มาร์ติน ถูกกระชากเข็มขัดจากผู้ท้าชิงร่วมชาติเวียดนาม-ออสเตรเลีย “ธานฮ์ เล”
#2 ออง ลา เอ็น ซาง
อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นมิดเดิลเวต
(30 มิ.ย.60 – 30 ต.ค. 63)
อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เฮฟวีเวต
(23 ก.พ.61 – 28 เม.ย. 64)
“งูหลามพม่า” ออง ลา เอ็น ซาง ซูเปอร์สตาร์ชาวเมียนมาที่มีรูปปั้นสัญลักษณ์ของตัวเองซึ่งชาวบ้านจัดสร้างให้อยู่ที่บ้านเกิด หลังจากประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลก ONE รุ่นมิดเดิลเวต ด้วยการแย่งชิงเข็มขัดจากคู่ปรับเก่า “วิตาลี บิกแดช” ไปได้เมื่อ 30 มิ.ย.60 เขาก็เดินตามรอยเพื่อนรักอย่าง มาร์ติน จัดเข็มขัดเส้นที่สองในรุ่นไลต์เฮฟวีเวต สถาปนาตนเป็นแชมป์โลก ONE สองบัลลังก์รายที่สองในอีก 8 เดือนต่อมา ด้วยชัยชนะในนาทีแรกของการแข่งขันเหนือคู่ชิง “อเล็กซานเดร มาชาโด” เมื่อ 23 ก.พ.61
หลังจากฮีโร่เมียนมาป้องกันตำแหน่งรุ่นมิดเดิลเวตได้ 3 ครั้ง และป้องกันตำแหน่งรุ่นไลต์เฮฟวีเวตครั้งแรก “อัศวินดัตช์” ไรเนียร์ เดอ ริดเดอร์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิง พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์ช็อกโลกด้วยการซับมิชชัน ออง ลา ในยกแรกเมื่อ 30 ต.ค.63 ทำให้เข็มขัดแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวตกระเด็น แถมยังถูกซ้ำแผลเก่าจากคู่ปรับรายเดิมในอีก 6 เดือนต่อมาหลังจากยื้อพลังกันอยู่ครบ 5 ยก สุดท้าย ออง ลา ก็ต้องเสียเข็มขัดรุ่นไลต์เฮฟวีเวตให้กับ ไรเนียร์ เป็นเส้นที่สองเมื่อ 28 เม.ย.64
#3 แสตมป์ แฟร์เท็กซ์
อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต
(6 ต.ค.61 – 28 ก.พ.63)
อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต
(22 ก.พ. 62 – 28 ส.ค.63)
“นักมวยปากแดง” แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นับเป็นนักกีฬาหญิงเพียงหนึ่งเดียวของสังเวียนแห่งนี้ที่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ครองแชมป์โลกถึงสองประเภทกีฬา ทั้งคิกบ็อกซิ่งและมวยไทย
แสตมป์ เปิดตัวครั้งแรกด้วยการชิงบัลลังก์คิกบ็อกซิ่งจากอดีตแชมป์เก่าชาวไทเป “ไค่ ถิง ฉวง” เมื่อ 6 ต.ค.61 พร้อมกับเดินหน้าคว้าเข็มขัดเส้นที่สองในกติกามวยไทย โดยฝากรอยแค้นไว้ให้คู่ชิงสาวชาวอเมริกัน-ญี่ปุ่น “เจเน็ต ท็อดด์” ไว้ดูต่างหน้า เมื่อ 22 ก.พ.62 ชัยชนะครั้งนี้ส่งให้ แสตมป์ กลายเป็นแชมป์โลกสองประเภทกีฬาการต่อสู้หญิงคนแรกและคนเดียวของโลกทันที
หลังจากป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก ONE มวยไทยครั้งแรกสำเร็จ คู่ปรับเก่าอย่าง เจเน็ต ก็กลับมาขอท้าชิงในกติกาคิกบ็อกซิ่ง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.63 และ แสตมป์ ถูกกระชากเข็มขัดไปอย่างสุดสะเทือนใจ จากนั้นอีก 6 เดือนต่อมา นักชกสาวแซมบ้าหน้าใหม่ “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” ก็มาตอกย้ำความเจ็บปวด ด้วยการกระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทยไปต่อหน้าต่อตาด้วยชัยชนะเสียงข้างมาก (ชนะ 2 เสมอ 1) หักปากกาเซียนระนาว แสตมป์ เสียเข็มขัดเส้นที่สองในวันที่ 28 ส.ค.63
#4 คริสเตียน ลี
แชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต
(17 พ.ค. 62 – ปัจจุบัน)
แชมป์โลก ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต
(13 ต.ค.62 – ปัจจุบัน)
“The Warrior” คริสเตียน ลี นับเป็นนักสู้เลือดเดือดชาวสิงคโปร์ที่มีฟอร์มการต่อสู้เฉียบขาดและนิยมการปิดเกมไว เขาเจริญรอยตามพี่สาว “แองเจลา ลี” แชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวต ด้วยการไต่บัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต โดยคว่ำเจ้าตำนานชาวบูชิโด “ชินยะ อาโอกิ” เมื่อ 17 พ.ค.62
ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น คริสเตียน ก็อาสาเป็นนักมวยขัดตาทัพ เสียบแทนในรอบสุดท้ายของการแข่งขัน ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต และเอาชนะ “เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ” คว้าเข็มขัดสีเงินอร่ามจากการแข่งขันครั้งนี้ไปครองเป็นเส้นที่สอง เมื่อ 13 ต.ค.62
ปัจจุบัน คริสเตียน ป้องกันตำแหน่งรุ่นไลต์เวตของตัวเองไว้ได้ 2 ครั้งและนั่งครองบัลลังก์โดยยังไม่มีผู้ท้าชิงคนไหนโค่นเขาลงได้
#5 สามเอ ไก่ย่างห้าดาว
อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต
(18 พ.ค.61 – 3 พ.ค.62)
แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต
(6 ธ.ค.62 – ปัจจุบัน)
แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต
(28 ก.พ.63 – ปัจจุบัน)
อาจกล่าว่า “ซ้ายไฟลามทุ่ง” สามเอ ไก่ย่างห้าดาว ยอดมวยชาวบุรีรัมย์ เป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากการครอบครองเข็มขัดแชมป์โลก ONE มาแล้วถึง 3 เส้นเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ของรายการ
หลังผันตัวไปเป็นครูมวยที่สิงคโปร์ราว 2 ปี สามเอ ก็หวนคืนสังเวียนผ้าใบอุ่นเครื่องสองไฟต์ใน วัน แชมเปียนชิพ ก่อนจะได้ชิงแชมป์โลกเมื่อ 18 พ.ค.61 กับคู่ชิงชาวซูรินาม “เซอร์จิโอ วีลเซน” โดยไฟต์นั้น สามเอ เผด็จศึกคู่แข่งด้วยทีเคโอ.ในยก 4 คว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต มาครองเป็นเส้นแรก ก่อนที่จะเสียแชมป์ให้กับนักชกแดนผู้ดี “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” ในอีกหนึ่งปีต่อมา เมื่อ 3 พ.ค.62
ช่วงนั้น วัน แชมเปียนชิพ ได้มีการเปิดรุ่นน้ำหนักใหม่ที่เล็กลง สามเอ จึงตัดสินใจลดลงมาชกในรุ่นสตรอว์เวต (56.7 กก.) โดยอุ่นเครื่องไฟต์แรกในกติกามวยไทย ก่อนได้รับโอกาสให้ชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต กับนักชกแดนมังกรจอมซ่า “หวัง จึงกวง” เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.62 และเป็นผู้คว้าชัยชนะขึ้นนั่งบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต
สองเดือนให้หลัง สามเอ ได้ชิงแชมป์โลกมวยไทยกับคู่ชิงหนุ่มชาวออสซี “ร็อกกี อ็อกเดน” ซึ่งอายุน้อยกว่า 16 ปี สามเอ ใช้ความเก๋าพาเข้าเส้นชัยนำลิ่ว คว้าแชมป์โลกสองประเภทกีฬาการต่อสู้ชายคนแรกของ วัน แชมเปียนชิพ เมื่อ 28 ก.พ.63 พร้อมกับป้องกันตำแหน่งครั้งแรกได้สำเร็จ และครองเข็มขัด ONE สองเส้นจนถึงปัจจุบัน
#6 ไรเนียร์ เดอ ริดเดอร์
แชมป์โลก ONE รุ่นมิดเดิลเวต
(30 ต.ค. 63 – ปัจจุบัน)
แชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เฮฟวีเวต
(28 เม.ย.64 – ปัจจุบัน)
“อัศวินดัตช์” ไรเนียร์ เดอ ริดเดอร์ นักสู้จอมห้าวเป้งที่ไม่ได้เก่งแต่ปาก แต่หากฝีมือของเขามันคือของจริง ด้วยสถิติไร้พ่าย 12 ไฟต์ติดต่อกันจนได้รับโอกาสให้ขึ้นชิงบัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นมิดเดิลเวตจาก ออง ลา เมื่อ 30 ต.ค.63 ซึ่งครั้งนั้นเขาทำให้ทั่วโลกต้องช็อกเมื่อใช้เวลาไม่ถึง 4 นาทีในการเผด็จศึกฮีโร่เมียนมาและกระชากเข็มขัดไปครอง
หกเดือนต่อมาเหมือนโชคชะตาจะเป็นใจ เมื่อเดิมที ออง ลา ต้องป้องกันตำแหน่งรุ่นไลต์เฮฟวีเวตจากอริเก่าอย่าง “วิตาลี บิกแดช” ซึ่งมีอันต้องถอน ก่อนจะได้ ไรเนียร์ มาขัดตาทัพในช่วงไม่กี่วันก่อนการแข่งขัน และกลายเป็นว่า อัศวินดัตช์ ได้ตอกย้ำความแค้นให้ ออง ลา อีกครั้งด้วยการแย่งเข็มขัดเส้นที่สองไปครองหลังฟาดฟันกันครบ 5 ยก เมื่อ 28 เม.ย.64